ฮีร่า (Hera) หรือจูโน (Juno) ถือเป็นราชินีของเทพธิดาทั้งปวง เพราะเธอเป็นชายาของซูสผู้ยิ่งใหญ่ ประวติความเป็นมาของฮีร่ากล่าวไว้ว่า เธอเป็นธิดาองค์แรกของเทพไทแทนโครนัสกับเทพมารดารีอา ซึ่งได้อภิเษกสมรสกับ ซูสเทพบดีผู้เป็นอนุชาของนางในภายหลัง ด้วยเหตุนี้ฮีร่าจึงกลายเป็นราชินีที่สูงที่สุดในสรวงสวรรค์ชั้นโอลิมปัส ที่เป็นที่คร้ามเกรงของคนโดยทั่วไป เทวีฮีร่าไม่ชอบนิสัยเจ้าชู้ของสวามีของตน เพราะเทพซูสเป็นเทพที่เจ้าชู้ และมักจะประพฤติตนให้เทพีฮีร่าหึงหวงอยู่เสมอ อีกทั้งยังคอยลงโทษหรือคิดพยาบาทบุคคลที่คิดจะมาเป็นภรรยาน้อยของเทพซูสอยู่เสมอด้วย
ตอนแรกที่ซูสขอฮีร่าแต่งงาน นางฮีร่าก็ปฏิเสธ และยังคงปฏิเสธเรื่อยมาจนถึง 300 ปี แต่เมื่อวันหนึ่ง ซูสก็ได้วางแผนคิดอุบายปลอมตัวเป็นนกกาเหว่า ที่เปียกปอนไปด้วยพายุฝนและบินไปเกาะที่หน้าต่างที่ห้องนางฮีร่า เมื่อฮีร่าเห็นเข้าก็นึกสงสาร จึงได้จับนกตัวนั้นมาลูบขนพร้อมกับกล่าวคำว่า “ฉันรักเธอ” ทันใดนั้นเอง ซูสก็แปลงร่างกลับคืน และขอให้ฮีร่าแต่งงานกับพระองค์
แต่ชีวิตคู่ของเทวีฮีร่ากับเทพปริณายกซูสก็มีสะดุดอยู่เรื่อยมา ทั้งสองมักจะทะเลาะและมีปากเสียงกันบ่อยตลอดเวลา จนเป็นหนึ่งความเชื่อของชาวกรีกโบราณว่า เมื่อใดที่เกิดพายุฟ้าคะนองอย่างดุเดือด เมื่อนั้นแสดงถึงสัญญาณว่า เทพซูสกับเทพีฮีร่ากำลังต้องทะเลาะกันอยู่อย่างแน่นอน เนื่องจากเทพทั้งสองถือเป็นสัญลักษณ์แห่งสรวงสวรรค์
แม้ว่าเทวีฮีร่าจะถือเป็นราชินีแห่งสรวงสวรรค์หรือเทพมารดาแทนรีอา แต่เมื่อพิจารณาจากความประพฤติและอุปนิสัยของเจ้าแม้แล้ว กลับพบว่าไม่อ่อนหวานหรือมีเมตตาสมกับที่เป็นเทพแห่งมารดาเลย เจ้าแม่นั้นเป็นทั้งบุคคลที่โหดร้าย ขาดเหตุผล เจ้าคิดเจ้าแค้น และเป็นเทพีที่ชอบคิดอาฆาตจนถึงที่สุด หากผู้ใดก็ตามที่ถูกเทวีฮีร่าอาฆาตมาดร้ายหมายหัวเอาไว้ ก็มักจะพบจุดจบที่ดูไม่สวยงามมากเท่าไรนัก ยกตัวอย่างเช่น ชาวกรุงทรอยที่เมืองทั้งเมืองล่มจมลงไป ก็มีเหตุเพราะความอาฆาตพยาบาทของเจ้าแม่ฮีร่าผู้นี้นี่เอง โดยสาเหตุของเรื่องราวร้ายกาจครั้งนี้ เกิดจากที่เจ้าชายปารีสแห่งทรอย ไม่ยอมเลือกให้เจ้าแม่เป็นผู้ชนะเลิศในการประกวดความงาม ระหว่าง 3 เทวีแห่งสวรรค์ ได้แก่ เทวีฮีร่า เทวีเอเธน่า และเทวีอโฟรไดที
รูปวาดหรือรูปสลักที่ชาวกรีกโบราณสร้างขึ้นถวายแก่เจ้าแม่ฮีร่า มักจะพบเห็นว่าเป็นเทวีวัยสาวที่มีความสวยสง่าเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าความงามของนางเป็นที่น่าหลงใหลจนเกิดความคลั่งไคล้กับหลายผู้หลายคน โดยเฉพาะอิกซิออน (Ixion) ผู้เป็นราชาแห่ง ลาปิธี (Lapithae) ซึ่งภายหลังก็ถูกเทพซูสลงโทษอย่างร้ายแรง และด้วยความทรนงคิดว่าตนมีรูปโฉมที่สิริงดงาม จึงทำให้เทวีฮีร่ามักจะเป็นเดือดเป็นร้อนเมื่อสวามีของตนแอบปันใจไปให้หญิงงามคนอื่น ฮีร่าจึงต้องตามราวีหญิงสาวเหล่านั้นจนถึงที่สุดเสมอ ความร้ายกาจเรื่องความหึงหวงของเจ้าแม่ รุนแรงมากถึงขนาดที่คิดจะปฏิวัติโค่นล้มอำนาจของสวามีเลยด้วยซ้ำ เรื่องมีอยู่ว่า
เจ้าแม่รู้สึกโกรธในความไม่ซื่อสัตย์ของเทพซูสอย่างเต็มที ฮีร่าจึงได้ขอความร่วมมือกับเทพโปเซดอน ผู้เป็นเชษฐาของเทพซูสเอง รวมไปถึงเทพอพอลโลกับเทวีเอเธน่าด้วย ทุกคนรวมหัวกันจับองค์เทพซูสมัดไว้อย่างแน่นหนา จนเกือบจะทำให้เทพซูสสูญเสียอำนาจอยู่แล้ว แต่พอดีว่ายังชายาของเทพซูสอีกองค์หนึ่งที่มีชื่อว่า มีทิส (หมายความว่าภูมิปัญญา) ได้เข้ามาช่วยเหลือเทพซูสได้ทันเวลา โดยไปนำตัวอาอีกีออน (Aegaeon) ผู้เป็นอสูรร้อยแขนที่น่ากลัว เข้ามาช่วยเหลือเทพซูสได้อย่างทันท่วงที อสูรตนนี้มีฤทธิ์อย่างมาก จนเทพเทวาทั้งหลายต้องยอมแพ้ไปตาม ๆ กัน เมื่ออาอีกีออนเข้ามาช่วยซูส จึงทำให้บรรดาผู้คิดคดหนีหน้าหายไปหมด และแผนการณ์ครั้งนี้ก็ถูกล้มครืนในที่สุด
เทพซูสเองก็ได้เคยทำเรื่องร้ายกาจกับราชินีเทวีฮีร่าเช่นกัน โดยเทพซูสได้ลงโทษเจ้าแม่ฮีร่าอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทุบตีอย่างรุนแรง การใส่โซ่ตรวนที่บาทของเจ้าแม่ หรือการผูกข้อหัตถ์และพาเดินติดกันมัดโยงโตงเตงไปตลอดบนท้องฟ้า การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพฮีฟีสทัสขึ้นมาว่า การวิวาทครั้งนี้ของเทพทั้งสององค์ ทำให้เทพฮีฟีสทัสผู้เป็นโอรส ได้เข้ามาขัดขวางไม่ให้พระบิดากระทำ รุนแรงเช่นนี้ต่อพระมารดา ทำให้เทพซูสที่กำลังโกรธจัด จับตัวฮีฟีสทัสเขวี้ยงตกลงมาจากสวรรค์ และทำให้เทพฮีฟีสทัสกลายเป็นเทพผู้พิการไปในที่สุด
เทวีฮีร่าไม่ได้แค่ขี้หึงเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความริษยาอย่างมากอีกด้วย เมื่อครั้งที่เทพซูสทรงมีราชธิดาที่มีชื่อว่า เอเธน่า ผู้กระโดดออกจากเศียรของไท้เธอ เจ้าแม่ฮีร่าก็เกิดความริษยาแก่ธิดาที่ไม่ใช่ของตนเป็นอย่างยิ่ง และตรัสกับสวามีว่า ในเมื่อสวามีทรงมีกุมารีได้ด้วยองค์เอง นางนั้นก็สามาถมีบุตรได้ด้วยตัวเองเช่นกัน แต่ทว่าบุตรที่กำเนิดขึ้นจากตัวเจ้าแม่ กลับมิได้มีรูปที่งดงามตามแบบเอเธน่า แต่กลับเป็นเพียงอสูรร้ายที่มีหน้าตาแสนน่าเกลียดน่าชังเป็นอย่างยิ่ง (บางตำนานกล่าวว่าบุตรที่จากเทวีฮีร่า มีชื่อว่า ฮีฟีทัส) บุตรผู้นี้มีชื่อว่า ไทฟีอัส (Typheus) จึงทำให้เทพซูสเกิดโกรธกริ้วยิ่งนัก และเป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาทตามมา
เจ้าแม่ฮีร่า ได้มีโอรสและธิดากับเทพบดีซูสรวม 4 องค์ นามว่า เฮบี้ (Hebe) อิลลิธธียา (Ilithyia) เอเรส (Ares) และฮีฟีสทัส (Hephaestus) ซึ่งเทพ 2 องค์หลังนี้ เป็นที่โด่งดังและรู้จักกันดี เพราะเทพเอเรส ถือเป็นเทพแห่งสงคราม ในขณะที่ เทพฮีฟีสทัส ก็ถือเป็นเทพถลุงเหล็กหรือเทพแห่งงานช่าง
หากกล่าวถึงชีวิตการสมรสของเจ้าแม่ฮีร่ากับเทพซูสแล้ว ก็คงจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก แต่สำหรับฐานะที่เจ้าแม่ฮีร่าถือเป็นราชินีหรือเป็นมารดาแห่งสวรรค์ ฮีร่าก็ทำหน้าที่คุ้มครองการแต่งงาน และมีหลายครั้งที่เธอทำหน้าที่ดลใจให้วีรบุรุษได้แสดงออกถึงความกล้าหาญออกมา ทำให้เธอถือเป็นที่เคารพนับถือในเขตโอลิมปัสเป็นอย่างมาก เทวาลัยขนาดใหญ่ที่สุดที่ใช้เป็นที่บูชาของเทวีฮีร่า ตั้งอยู่ที่เมืองอาร์กอส หรือที่รู้จักกันว่า เดอะฮีร่าอีอุม (Heraeum) ส่วนสัตว์สัญลักษณ์ประจำตัวของฮีร่า ก็คือ วัว นกยูง และสิงโต ในขณะที่ต้นไม้ประจำตัวของเจ้าแม่ฮีร่า ก็คือ ผลทับทิมและนกแขกเต้านั่นเอง
ที่มา http://www.tumnandd.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%AE%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2-hera-%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%88%E0%B8%B9%E0%B9%82%E0%B8%99-juno/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น